วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ภาพข่าวงานโครงการหลวง 42 รวมพลของดี อร่อย เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา





เวียนมาพบกันอีกครั้งในรอบปี เมื่อ มูลนิธิโครงการหลวง ร่วมกับ เซ็นทรัลเวิลด์ แปลง โฉมพื้นที่ไมัอั้นกว่า 100 ตร.ม. จัดงานโครงการหลวง 42เพื่อต้อนรับขบวนความสดอร่อยระดับคุณภาพจากโครงการหลวงกว่า 3,000 รายการ ให้มาถึงมือชาวกรุง ในรูปแบบ ไลฟ์สไตล์ ซูเปอร์มาร์เก็ต

ปีนี้นำเสนอภายใต้แนวคิด “น้ำพระทัยหลั่งไหลสู่พสกนิกรชาวสยาม” ที่จะพาทุกคนมาพบกับอาหารคาวหวานไฮไลต์ประจำปี ด้วยการนำผลผลิตและผลิตภัณฑ์ของมูลนิธิโครงการหลวง มาแปรรูป เพิ่มคุณค่าทางโภชนการจำหน่ายภายในงาน ตั้งแต่วันที่ 4-14 ส.ค.นี้ ณ เซ็นทรัลเวิลด์ ในธีมการตกแต่งบรรยากาศที่จะนำผักสด ผลไม้ ดอกไม้สีสันสดใสจากยอดดอยสูง มาประดับประดาทั่วงาน พร้อมด้วยเทคนิคหยาดน้ำฝนโปรยปรายมาจากฟากฟ้า เปรียบดั่งน้ำพระราชหฤทัยที่ไหลหลั่งประพรมทั่วพื้นปฐพี นำมาซึ่งความปีติยินดีในหัวใจของชาวไทยทุกคน

ม.จ.ภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ทรงกล่าวถึงการจัดงานว่า ปี นี้เป็นการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา เพื่อเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ของมูลนิธิโครงการหลวง โครงการส่วนพระองค์ของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และโครงการของหน่วยงานต่างๆ ที่เข้ามาสนองงานในมูลนิธิโครงการหลวง โดยมุ่งหวังให้ชาวไทยได้ประจักษ์ถึงน้ำพระทัยอันเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาธรรม ที่ทรงห่วงใยในทุกข์สุขของประชาราษฎร์ ทรงทุ่มเทพระวรกายเพื่อความมั่นคงของทรัพยากรแห่งแผ่นดิน ซึ่งพระเกียรติคุณของพระองค์มิใช่ประจักษ์แต่เฉพาะชาวไทยเท่านั้น แต่ยังได้แผ่ไพศาลไปทั่วโลก

ไฮไลต์ของปีนี้คือ การนำผลิตผลและผลิตภัณฑ์ของมูลนิธิโครงการหลวงมาทำการแปรรูปโดยเชฟ และนักวิชาการโภชนาการชื่อดัง มาปรุงเป็นเมนูคาวหวานหลากหลายชนิด เพื่อส่งเสริมให้คนไทยหันมาบริโภคสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและต้านทานโรคภัยไข้เจ็บ โดยไม่ต้องพึ่งยาหรือวิตามินเสริม แถมยังได้อร่อยในอรรถรสของรสชาติอาหารคุณภาพขนานแท้กับเมนูต่างๆ อีกด้วย

สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่จากมูลนิธิโครงการหลวงในปีนี้ อาทิ น้ำ เคปกูสเบอรี่,ซีเรียล บาร์,ผลิตภัณฑ์จากข้าวซ้อมมือ โฮลวีท เมล็ดฟักทองผสมคลุกด้วยน้ำเสาวรส และผลไม้อบแห้ง ที่เหมาะสำหรับรับประทานในชั่วโมงเร่งด่วน ให้พลังงานและเส้นใยสูงและปราศจากคลอเรสเตอรอล นอกจากนี้ ยังมีถั่วแดงหลวง ที่ให้โปรตีนสูง, ผักกวางตุ้ง และข้าวดอย ฯลฯ

ด้านแบรนด์ ดอยคำ ปีนี้ชวนลองของใหม่ น้ำพีช 100% ที่ให้รสชาติของผลพีชสดแท้,น้ำมะเขือเทศ 100% ที่มีคอลลาเจนและไลโคปีน,ซอสสปาเกตตี้,ซอสสปาเก็ตตี้ผสมธัญญพืช นอกจากนี้ ยังมีน้ำข้าวกล้องหอมนิลงอกผสมธัญญพืช,น้ำพลัม 100%,น้ำอัญชัญผสมมะนาว,น้ำมะตูมผสมมะนาว,น้ำฟักทอง,น้ำผลไม้รวม 50% C-Trio และไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด เนื้อพีชทาขนมปังและเนื้อมัลเบอรีทาขนมปัง ที่การันตี ความหวานตามธรรมชาติ เพราะไม่มีการเพิ่มน้ำตาลใส่เข้าไป

ที่มา Link : http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9540000089955


วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

รวมกระบวนท่าการตลาดโซเชียลภาคร้านอาหาร

ใคร
มีร้านอาหารแล้วไม่อ่านบทความนี้ขอบอกว่าจะเสียดาย เพราะ "สมชาติ ลีลาไกรศร" สาธยายนานากระบวนท่าที่ร้านอาหารในยุคโซเชียลเน็ตเวิร์กไม่อาจมองข้าไปได้ เรียกว่าครบถ้วนจุใจเหมาะสำหรับมือใหม่หัดโปรโมทเป็นอย่างยิ่ง

***ติดอาวุธไอทีให้ร้านอาหารดูน่ากิน (เกินห้าใจ)

เรื่องโดย สมชาติ ลีลาไกรศร @somchartlee

สปาเก็ตตี้กุ้งแม่น้ำตัวโต พาร์มาแฮมพิซซ่าโรยชีสเยิ้มๆ ซูชิหน้าปลาโอเนื้อนุ่มๆ อ่อส่วนระทะร้านหอยนางรมตัวใหญ่ หรือจะเป็นช็อกโกแลตลาวาที่น้ำแตกละลายในปาก ถ้าพูดต่อไปคงน้ำลายสอทั้งคนเขียนและคนอ่าแน่ๆ

เรื่องอาหารการกินเป็นเรื่องที่ไม่เคยขาดจากปากคนไทย โดยเฉพาะคนในยุคนี้ เข้าร้านอาหารทีไร เป็นต้อง แชะ..แชะ..แชะ "เดี๋ยวก่อนนะอย่าเพิ่งกิน ขอฉันถ่ายรูปโพสต์ลง Facebook ก่อนนะ" ธรรมเนียมปฏิบัตินี้แม้จะทำให้คนร่วมโต๊ะดูหมดอารมณ์ไปชั่วขณะ แต่กลับทำให้เพื่อนๆ ในสังคม Social Network นั้นต่าเข้ามาคอมเม้นต์กันตรึมด้วยความอิจฉา นี่แหละคือความสุขของคนชอบยั่วคนอื่นให้เกิดอารมณ์อยาก

ประสบการณ์ที่ว่านี้เป็นแค่เสี้ยวนึงของวัฒนธรรมการกินของคนไทยที่เปลี่ยนไป จากการแนะนำด้วยปากต่อปาก หรือจากการดูป้าโฆษณาหน้าร้ากลายเป็นเราเชื่อรูปและคอมเมนต์ที่เพื่อนถ่ายมาจากกล้องมือถือ หรือไม่เราก็ใช่อินเทอร์เน็ตหรือสมาร์โฟนในการหาร้านอาหารที่ถูกใจผ่าเว็บเบราเซอร์ เมื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในโลก 1.0 กำลังเสื่อมถอยลง เราคงต้องมารู้จักวิธีใช้เครื่องมือสื่อสารโลกดิจิตอล 2.0 ให้คุ้นเคยมากขึ้น

เทคนิกที่กำลังจะกล่าวถึงนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนทำได้ไม่ยาก แต่ถ้าจะทำให้ถึงขึ้นสร้างปรากฎการณ์บนโลกออนไลน์ล่ะก็ มันเป็นเทคนิคเฉพาะตัวที่ผู้ประกอบการร้านอาหารต้องพลิกแพลงให้ถูกโฉลกกับประเภทธุรกิจของตนเอง

จำเป็นแค่ไหนที่ต้องมีเว็บไซต์ของร้า

การกระโดดเข้ามาสร้างหน้าร้านบนโลกออนไลน์ถือเป็นการแสดงความตั้งใจอย่างหนึ่งที่จะแจ้งเกิดให้สังคมออนไลน์รู้จักคุณ อย่าเพียงแค่จดโดเมนเนม (ซึ่งปัจจุบันทำได้ง่ายมาก) แล้วสร้าเว็บแห้ง ไปแปะไว้บนหน้าจอ เมื่อริจะมีเว็บแล้ว ข้อมูลการติดต่อสื่อสารจะต้องชัดเจน สถานที่ตั้งอยู่ที่ไหน เดินทางไปยังไง สามารถโทรจองโต๊ะล่วงหน้าได้หรือไม่ มีการพรีวิวให้ดูเมนูเด็ดในร้าเพื่อเรียกน้ำย่อยรึเปล่า

ยิ่งถ้าคุณสามารถมอบสิทธิพิเศษโดยการชักจูงให้ลูกค้าบันทึกข้อมูลส่วนตัวเพื่อใช้ในการติดต่อในอนาคต ถือว่าคุณมีโอกาสสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายไปด้วยในตัว

ข้อดีของการมีเว็บเป็นของตัวเองคือ เมื่อคุณลงโฆษณา ประชาสัมพันธ์ไม่ว่าจะผ่านสื่อใด คุณสามารถลิงค์ข้อมูลกลับมาที่เว็บไซต์ของคุณได้เสมแต่ทว่าถ้าคุณคิดว่าคุณทำเว็บขึ้นมาครั้งเดียว แล้วจะไม่แตะมันอีกเลย จงอย่าทำเลยครับ เพราะนอกจากเสียสตางค์โดยใช่เหตุแล้ว มันจะกลายเป็นที่อยู่อาศัยรกร้างที่ไม่ได้รับการเยี่ยมชมในที่สุด

สำหรับคนที่สนใจแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่าไร ให้ติดต่อที่ "โครงการธุรกิจไทย go online" ซึ่งกำลังจะเปิดตัวโครงการในเร็ววันนี้บนความร่วมมือจาก สสว. และ สมาคมอิเล็กทรอนิกส์แห่งประเทศไทย

ติดเครื่องมือเสริมบารมีให้เว็บตัวเอง

ต่อจากหัวข้อที่แล้ว ถ้าคุณมีเว็บแล้วไม่อยากให้เว็บนั้นเป็นการสื่อสารเพียงข้าเดียว คุณควรจะหาเครื่องมือต่างๆ มาช่วยในการบริหารเว็บให้สามารถทำการติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอก และสามารถบริหารจัดการข้อมูลได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เครื่องมือที่ว่านี้มีตั้งแต่ การมีอีเมล์ หรือกล่องบันทึกข้อความให้ลูกค้าสามารถติดต่อร้านค้าได้ การใช้ Google Maps ในการระบุสถานที่ร้านซึ่งค้นหาได้ด้วยการระบุพิกัดตำแหน่งของร้าการซื้อโฆษณา Adwords หรือการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อทำให้เว็บของคุณติดอันดับในการค้นหาชื่อบน Google ตลอดจนการใช้เครื่องมือ Analytics ต่างๆ เพื่อวิเคราะห์สถิติการเข้าชมและเช็คผลการทำการตลาดบนเว็บไซต์ของคุณ

ถ้าคุณเป็นประเภทมือใหม่หัดขับจากรู้จักเครื่องมือต่างๆ เกี่ยวกับการทำ e-marketing, e-commerce บนเว็บไซต์ ผมแนะนำให้ลองอ่านบทความของคุณป้อม ภาวุธ ได้ที่ (http://www.pawoot.com)

ปรากฎตัวอย่าเท่บนสังคมออนไลน์

ใคร ก็เล่น Facebook และ Twitter กัน และล่าสุดเพิ่งเปิดตัวน้องใหม่ Google + ซึ่งเตรียมฉลองสมาชิกครบ 10 ล้านรายทั่วโลก (เป็นประเทศหนึงย่อมๆ เลยนะเนี่ย) จุดนี้คงไม่ต้องสาธยายกันยืดยาวว่าสมัครยังไง เล่นกันยังไง แต่ขอแนะจุดบอดเพิ่มเติมสำหรับร้านอาหารที่สร้างตัวตนขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นแบบ Group หรือเป็นแบบ Fan Page บน Facebook ก็ตา จริง แล้วการสร้าให้คนมาคลิ๊ก "Like" ให้เรานับว่ายากแล้ว แต่การทำให้คนที่เป็นสมาชิกกลับมาคอมเมนต์หรือปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์เรานั้นยากยิ่งกว่า

ข้อพึงระวังสำหรับการสร้าPage ขึ้นมาแล้วพูดแต่เรื่องของอาหารและโปรโมชั่นของร้านตัวเองคือมันทำให้เราดูเป็นคนน่าเบื่อ ถ้าเป็นไปได้ต้องพยายามโพสต์ภาพ ข้อมูล ที่เกี่ยวกับเรื่องอื่นบ้างที่เกี่ยวข้องกับไลฟสไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย บางครั้งอาจจะเล่นเกมส์ และชักจูงให้สมาชิกนั้นเป็นคนโพสต์ภาพที่เขาถ่าเองจากร้าเข้ามาด้วย ซึ่งจะทำให้คนที่เห็นภาพนั้นไม่ใช่เราและเขา แต่จะเป็นทั้งเพื่อนเราและเพื่อนเขาด้วย

ถ้าจะยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมขึ้นมานิดนึง ให้คุณลองตา @jehjong @iczz บนทวิตเตอร์ดู แล้วคุณจะรู้ว่าการคุยเนียนๆ กับเจ๊จงหมูทอด และน้องไอซ์ JMCuisine เขาใช้เทคนิคอะไรในการพูดคุยกับคนใน Social Network ให้ดูมีเสน่ห์และไม่ Hard-Sell จนเกินไป

หลักเบื้องต้นของการโปรโมทร้านผ่าเครื่องมือสองอย่างนี้คือ ถ้าเล่น Facebook ต้องพยายามกระตุ้นให้สมาชิกนั้นเล่นด้วย ไม่จำเป็นต้องทุกวัน แต่ต้องจัดหนักในแต่ละครั้งเพื่อเรียกเสียคอมเมนต์ยาว แต่ถ้าคุณเล่น Twitter คุณจะเงียบหายไปเฉยๆ ไม่ได้ โดยเฉลี่ยแล้วควรจะทวิตประมาณ 4-5 ครั้งต่อชั่วโมง เวลาที่ดีที่สุดในการทวิตคือช่วงเที่ยงตอนคนตัดสินใจไม่ได้ว่าจะกินอะไร และเวลาเย็นหลังเลิกงานประมาณ 6 โมงเย็นถือว่าเป็นช่วงเวลาทองเลยทีเดียว

ที่สำคัญอย่าทวิตซี้ซัว ต้องสร้างตัวตนให้ชัดเจนว่าเราเป็นคนอย่าไร อารมณ์ขัน คมลึก รอบรู้ เลือกซักแนว อย่าให้คนในร้านสลับกันทวิต จนไม่แน่ใจคนที่เราคุยด้วยเป็นผู้หญิง ผู้ชาย หรือผู้ฉิง กันแน่

ควรจะมี VDO ประจำร้านตัวเองหรือไม่

เดี๋ยวนี้มีวีดีโออัปโหลดขึ้นบน YouTube อยู่มากมาย ทั้งหนัง ละคร มิวสิควีดีโอ หนังโฆษณา คลิปโปรโมทตัวเอง ลฯ แต่คุณเชื่อหรือไม่คลิปที่คนดูมากที่สุด ไม่ใช่คลิปสวยงามหรือสนุกสนานธรรมดา แต่มันต้องแปลกตาหลุโลก ตลกจนน้ำหูน้ำตาไหล หรืออึ้งชื่นชมแบบสุด เพราะฉะนั้นถ้าคุณคิดที่จะทำ VDO แนะนำร้าแบบบ้านๆ สู้ไปตัดต่อคลิปที่คุณเคยไปให้สัมภาษณ์ในรายการทีวี หรือการประมวลภาพเรื่องราวประทับใจที่เกิดขึ้นในร้านจริง ยังจะดีซะกว่า

ที่สำคัญอย่าลืมติtag ชื่อร้าแล้วแชร์ให้กับคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นจริง เพราะเขามีโอกาสที่แชร์ VDO นั้นต่อไปในเครือข่ายสังคมออนไลน์ของเขาด้วย เรียกได้ว่าทำทีเดียวได้ทั้งสองทางเลย คือโปรโมทร้าไปพร้อมๆ กับการแบ่งปันประสบการณ์ของลูกค้าประจำให้ลูกค้าขาจรดูด้วย

โชว์แบรนด์โชว์เบอร์ หาร้านยังไงให้เจอบนเว็บและมือถือ

ในยุคที่ iphone, ipad, galaxy tab, android กำลังครองโลก ท่าเจ้าของร้าไม่ควรตกเทรนด์ พาตัวเองเข้าไปเอี่ยวบนเว็บที่มีฟังก์ชั่นในการค้นหาร้านอาหาร ตาเขตหรือย่านของสถานที่ตั้งร้าประเภทของอาหาร หรือราคา เว็บต่างๆ เหล่านี้ล้วนมีสมาชิกเป็นของตัวเอง บางเว็บไม่ได้แค่มีเว็บไซต์แต่เขาลิงค์หน้าเว็บพ่วงไปกับ Web Blob, Facebook และ Twitter ด้วย การเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในลิสต์ข้อมูลของเขาก็เท่ากับเป็นการเพิ่มโอกาสที่ร้านของคุณจะถูกค้นหาเจอได้มากกว่าการมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองแบบโดด

ตัวอย่างของเว็บที่ผมใช้งานบ่อยๆ เช่น

BKK Menu (http://www.bkkmenu.com)

EDT Guide (http://www.edtguide.com)

Aroys (http://www.aroys.com/th)

GinDee, (http://www.gindee.com/?lang=TH)

MC Groovy Club (http://www.mcgroovyclub.com/)

ChuanChim (http://www.pantip.com/cafe/chuanchim/bkk/map_bkk.php)

Bangkok Post Restaurant (http://www.bangkokpost.com/food/restaurant)

และ Tatler Review (http://www.bangkok.com/tatler/)

ล่าสุด ผมเพิ่งจะรู้จักเว็บใหม่ล่าสุดในงาน Restaurant & Bar ที่พัฒนาเป็น Application บน App Store ให้คุณสามารถโหลดและสมัครได้ฟรีคือ Wongnai เขาพัฒนาเมนูให้คุณสามารถเลือกร้านอาหารได้เป็นรายจังหวัด ประเภท สมาชิกสามารถเข้าไปเขียนรีวิวอาหารได้ตาอัธยาศัย นอกจากนี้ยังมีการรวบรวมบทความให้คนติดตาอ่าได้จากสนุกปาก เช่น "เปิดแหล่งยอดฮิตสุดเจิดแห่งปี", "3 ร้านช็อกโกแล๊ตดัง อร่อยหวานกลางกรุง", "สุดยอดร้านข้าวมันไก่" เป็นต้น เรียกว่าอ่าแล้วหิวเลย

ข้อดีของแอปนี้คือเขาระบุรายละเอียดของร้านค้าไว้ค่อนข้างครบ คือมีรูปถ่ายร้าเมนูจานเด็ด สถานที่ตั้งพร้อมระบุพิกัด เบอร์โทรติดต่อพร้อมเว็บไซต์(ถ้ามี) ข้อมูลอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจเช่น มีที่จอดรถรึเปล่า ร้านค้ารับบัตรหรือไม่ เปิดกี่โมงถึงกี่โมง ระดับราคาของอาหาร ถูก แพง หรือแพงม้ากมาก

รู้อย่างนี้แล้วใครเป็นเจ้าของร้านอาหาร คงนิ่งเฉยไม่ได้ ต้องพยายามหาทางทำกิจกรรม มอบส่วนลดพิเศษเพื่อดึงดูดสมาชิกเข้าร้าให้ได้ โดยเฉพาะถ้ารู้ว่ามีคนเล่น FourSquare ขอเป็นเมเยอร์ร้านของเราด้วย ยิ่งต้องจัดหนักเพื่อให้เขามีแรงจูงใจในการเชียร์ร้าเราเป็นพิเศษ เพราะถ้ามีคนเข้ามาทานในร้านของเราแล้วโพสต์รูปถ่าและคอมเมนต์ต่อ กันไปมากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสที่ร้านอาหารของคุณจะติดลมบนได้อย่างรวดเร็วก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น

ดูอย่าShibuya Toast ของ After You แค่เห็นภาพก็รู้ได้ในทันทีว่าขนมชิ้นนี้ท่าได้แต่ใดมา อย่าลืมนะครับยุคนี้ผู้บริโภคเป็นใหญ่ ความสะดวกในการค้นหาข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือถือเป็นเรื่องจำเป็นมากๆ เลยทีเดียว

เกาะกระแสคนดัง ผ่านพันธมิตรต่างๆ

การโฆษณาประชาสัมพันธ์ร้านอาหารด้วยงบตัวเองล้วน บางทีมันก็แพงเอาการเหมือนกัน แถมบางครั้งยังวัดผลไม่ได้ด้วย ทางลัดอีกทางหนึ่งคือการพึ่งพาอาศัยผู้อื่นในการนำพาแบรนด์ของเราไปใกล้ลูกค้านักชิมตัวยงทั้งหลาย ถ้าคุณเคยสังเกต ในหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารที่มีคอลัมน์เกี่ยวกับการกิน ดื่ม เที่ยว ช้อป จะมีนักเขียนทั้งหน้าใหม่และเก่าประดับวงการจะคอยตระเวนหาร้านอาหารเพื่อทำการรีวิว ถ้าคุณสามารถสร้างความน่าสนใจของร้าไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการตกแต่งร้าเมนูอาหารที่น่าลิ้มลองชวนฝัน จนใครมาเห็นเข้าก็อยากจะเขียนรีวิวให้ฟรีแบบออกนอกหน้า อันนี้ก็ถือว่าโชคดีไปเพราะไม่ต้องทำอะไรมาก เดี๋ยวสื่อต่างๆ อาจจะวิ่งเข้ามาหาเอง

นักชิมที่ผมติดตาเป็นประจำคือ ม.ล. ภาสันต์ สวัสดิวัฒน์ ซึ่งคุณสามารถติดตาพี่อิ้งได้ที่ @CitiDiningGuru หรือที่ (http://changchuanchim.com) อีกท่าเป็นดีไซเนอร์ผู้ถนัดการออกแบบเมนูอาหาร คือ คุณสุทธิพงษ์ สุริยะ ติดตาคุณผลงานของคุณขาบได้ที่ (http://www.karbstyle.com/)

แต่ถ้าคุณยังไม่เป็นที่รู้จักดีพอ อีกวิธีที่ช่วยได้คือการพยายามทำโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตยี่ห้อต่างๆ ของธนาคารพาณิชย์ เพราะเขาจะมีการส่งวารสารแนะนำสิทธิประโยชน์ไปพร้อมกับใบ statement บัตรเครดิต ไปยังฐานสมาชิกลูกค้าของเขาที่มีกว่าล้านรายทั่วประเทศอยู่แล้ว ข้อคิดอย่างหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการที่ใจไม่ถึง มอบส่วนลดได้แค่ 10-15% ที่ใคร ก็ทำกัน คูปองของคุณจะจมลงไปแทบไม่เห็นฝุ่นเลย

แต่ถ้าคุณใจป้ำมอบส่วนลดสูงสุดเป็นแคมเปญบางช่วงได้ถึง 50% หรือจะจัดเต็มเป็นบุฟเฟต์ แบบกิน 2 จ่า1 กิน 4 จ่า3 โปรโมชั่นประมาณนี้จะถูกพูดถึงเยอะกว่าการลดราคาแบบจิ๊บ นี่จึงเป็นที่มาว่าคูปองส่วนลดแบบ Ensogo (http://www.ensogo.com) หรือ Dealicious (http://dealicious.co/bangkok_th/) ที่ลดสะบั้นหั่นแหลกจึงถูกใจพี่ไทยนักหนา

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ก็ถือเป็นสารพันเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่นำมาเล่าสู่กันฟัง ในฐานะที่ตัวเองก็เป็นคนชอบชิมและเขียนรีวิวอาหารอยู่เป็นเนืองๆ สิ่งที่สังเกตเห็นก็คือมุมมองของผู้บริโภคที่เรื่องมาก และความคิดสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการที่พยายามจะใช้เครื่องมือทางไอทีมาช่วยในการบริหารธุรกิจให้คล่องตัว และสามารถเข้าถึงใจลูกค้าได้มากขึ้น

ขอให้ผู้ประกอบการทุกท่านมีความสุขในการปรุงอาหารรสเด็ดให้พวกเราได้อร่อยและชิมกันอย่างม่วนหลายไปตลอดครับ

ที่มา : http://i.manager.co.th/s1000_obj/front_page/page/1571.asp?news_id=797949&pagetype=7

Compass Online Magazine : Guru Food Show


Celebrity Food Expert: เชฟหมึกแดง - ม.ล.ศิริเฉลิม สวัสดิวัตน์
โด่งดังไปทั่วไทยแถมยังมีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วโลก ล่าสุดได้กระทบไหล่ปะทะฝีมือกับ Chef Gordon Ramsay ในรายการ Gordon’s Great Escape to Thailand ที่ออกอากาศทั่วประเทศอังกฤษและแพร่กระจายทั่วโลกบนเว็บ youtube มาเชียงใหม่ครั้งนี้เชฟหมึกแดง นำความสนุกและความรู้ทางด้านอาหารมาแบ่งปันกับชาวเชียงใหม่ พร้อมพกพาหนังสือเล่มล่าสุด The Principles of Thai Cookery โดยเรียบเรียงจากประสบการณ์มานานกว่า 6 ปีในการเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนสอนทำอาหาร 7-8 แห่ง ทางภาคตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น LA, Hollywood, Pasadena, Las Vegas, Chicago, San Francisco, และ Dallas และในปีที่ 3 ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์เชฟกิตติมศักดิ์ ประจำ Le Cordon Bleu College of Culinary School ต่อมามีเสียงเรียกร้องให้เชฟหมึกแดงทำหนังสือเรียนเป็นภาษาอังกฤษ จึงเป็นที่มาของ The Principles of Thai Cookery ที่ได้รวบรวมเอาทั้งศาสตร์และศิลป์ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ที่เกี่ยวเนื่องและแฝงภูมิปัญญาของการทำอาหารไทยมาบรรจุไว้ในหนังสือเล่มนี้ อย่างสมบูรณ์แบบตามโครงสร้างมาตรฐานของตำราอาหารตะวันตก ซึ่งปกติแล้วหนังสือเล่มใหญ่นี้จะวางขายอยู่ที่ร้าน เอเชียบุคส์ แต่หากมาซื้อในงานจะได้ลายเซ็นเชฟหมึกแดงกำกับเป็นที่ระลึก พร้อมชมการสาธิตเมนูอร่อยแต่ทำได้ง่าย มีลักษณะคล้ายกับอาหารเยอรมันที่ชื่อ Wiener Schnitzel ซึ่งเชฟหมึกแดงได้นำมาดัดแปลงเป็นรสไทยๆ คือ หมูหมักรากผักชีกระเทียมพริกไทยชุบเกล็ดขนมปังทอด กับยำมะม่วงสุก สนใจไปพบกับเชฟหมึกแดงต้องไปวันที่ 14 กรกฎาคม 2554

Surprising French Chef in Thailand: Hervé Frerard
เชฟชาวฝรั่งเศส ที่มีตำแหน่ง White Hat of The World, Maître cuisinier de France, President of The Disciples of Escoffier Thailand โดย หากใครได้เคยร่วมทริปไปอ่างขาง หรือ Le Tour d’Angkang ซึ่งจัดโดยโครงการหลวงแล้วคงจะรู้จักและคุ้นเคยกับรสมือเชฟของเชฟคนเก่งคน นี้กันพอสมควร
เชฟ แอร์เว่ แฟร์ราร์ด จบการศึกษาด้านการทำอาหารจากประเทศฝรั่งเศสมามากมายหลายสถาบัน บวกกับประสบการณ์ในการทำอาหารมายาวนาน ทั้งร้านอาหารติดดาวจากมิชลิน ในประเทศฝรั่งเศส ร้านอาหารชั้นนำในโรงแรมชื่อดังของเวียดนาม และไทย ถึงวันนี้เชฟแอร์เว่จัดว่าเป็นเชฟอาหารฝรั่งเศสที่มีฝีมือมากที่สุดคนหนึ่ง ในประเทศไทย เป็นเจ้าของภัตตาคารฝรั่งเศส Le Beaulieu ที่โด่งดังในกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร ซึ่งมีสาขาอยู่ที่เชียงใหม่ด้วย และเพิ่งเปิดอีกหนึ่งสาขาเมื่อเร็วๆ นี้ที่หมู่บ้านเชียงใหม่แลนด์ โดยเชฟจะมาสาธิตเมนูพิเศษให้ผู้ร่วมงานได้ชิม แต่เมนูคงต้องขออุบไว้ก่อน อยากเห็นของจริงต้องไปรีบไปจองที่แถวหน้าเลยค่ะ วันที่ 14 กรกฎาคม 2554

Traditional Thai Cuisine Guru: ผศ. กอบแก้ว นาจพินิจ
ดื่มด่ำกับความละเมียดละไมของอาหารไทยจาก อาจารย์กอบแก้ว นาจพินิจ กูรูอาหารไทยตัวจริงเพราะเป็นผู้ศึกษาประวัติศาสตร์อาหารไทย ลงลึกไปถึงตั้งแต่เริ่มก่อกำเนิดชาติไทยกันทีเดียว ปัจจุบันอาจารย์เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนสอนทำอาหาร ข้าว มีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ทั่วโลก ในงานนี้อาจารย์จะมาสาธิตการทำอาหารและสอนการทำอาหาร ณ ห้องปฏิบัติการอาหาร คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ติดต่อสมัครร่วมกิจกรรมได้ที่ โทร 053-213695 , 081-5315810 คุณประภาพรรณ

The Top Thai Chef: เชฟจำนงค์ นิรังสรรค์
เป็นโอกาสอันดีของชาวเชียงใหม่ที่จะได้ทำความรู้จักกับ เชฟจำนงค์ นิรังสรรค์ นายกสมาคมพ่อครัวไทยสองสมัย ที่มีประสบการณ์มากกว่า 50 ปีจนได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้จัดเครื่องว่างถวายพระประมุขและพระราช อาคันตุกะทุกพระองค์ รวมทั้งผู้ติดตามจำนวน 500 คน ในงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และเป็นผู้ที่สนับสนุน เชิดชูเอกลักษณ์อาหารไทยให้ก้าวไปสู่ความเป็นสากล เชฟจำนงค์จะมาให้ความรู้ ในการทำอาหารนานาชาติ โดยจำกัดผู้เรียนเพียง 16 คนเท่านั้น ติดต่อร่วมกิจกรรมได้ที่โทร 053-213695 , 081-5315810 คุณประภาพรรณ




Authentic Italian Cuisine with Angelo Faro
ประสบการณ์ในครัวกว่า 50 ปีของเชฟมือทองจากกรุงโรม ที่แฟนคลับอาหารอิตาเลียนชาวเชียงใหม่รู้จักมานานกว่ายี่สิบปี ในงาน Chiang Mai International Food Festival 2011 เชฟแองเจโล ฟาโร เจ้าของภัตตาคารอิตาเลียน Piccola Roma Palace ให้เกียรติมาร่วมสาธิตการทำอาหารอิตาเลียนสูตรที่ทำให้ผู้คนหลงใหล แบบเปิดหัวใจให้ทุกคนได้รู้จักกันทีเดียว เฉพาะวันที่ 17 กรกฎาคม 2554

Dine in Style with Food Stylist: สุทธิพงษ์ สุริยะ
สุทธิพงษ์ สุริยะ หรือ ‘ขาบ’ ฟู้ดสไตลิสต์อันดับต้นๆ ของประเทศ ผู้คร่ำหวอดในวงการศิลปะการตกแต่งอาหารมากว่า 10 ปี ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ขาบสไตล์ จํากัด ซึ่งเป็นองค์กรรับสร้างสไตล์และรสนิยมให้กับธุรกิจอาหารแบบมาตรฐานสากลอย่างครบวงจร สนใจไปชมฝีมือของฟู้ดสไตลิสท์ท่านนี้ดูจากตารางงานได้

Japan Healthy Food Expert:
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารบำบัด Medicinal Cuisine บินตรงจากญี่ปุ่น เพื่อมาให้ความรู้ในเรื่องการทำอาหารบำบัด ซึ่งหน้าตาอาหารต้องน่ารับประทานและรสชาติดีด้วย มางานนี้แล้วคุณจะได้รู้ว่า อาหารญี่ปุ่นพื้นๆ อย่างซุปมิโสะ ที่ทำมาจากถั่วเหลืองออร์แกนิกส์ก็สามารถช่วยบำรุงสุขภาพได้ รับสมัครผู้เข้าร่วมเพียง 16 คนเท่านั้น สถานที่ที่จัดคือห้องปฏิบัติการอาหาร คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ติดต่อสมัครร่วมกิจกรรมที่ mljatuporn@yahoo.com, janjirapan19@gmail.com, lagondola_thailand@yahoo.com หรือโทร 08-1289-5214

Kenji Okabe
ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย Genmai Seishoku ของประเทศญี่ปุ่น และเป็นที่ปรึกษาเรื่องโภชกาการและการแพทย์ โอกาเบะเคยไปอเมริกาแล้วก็ประหลาดใจที่เห็นมีคนอ้วนมากมาย จึงได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับการบริโภคของสังคมอเมริกัน และอาหารลดน้ำหนักแล้วพบว่าอาหารดั้งเดิมของญี่ปุ่นนั้นมีโภชนาการที่ดี โอกาเบะ เป็นผู้ก่อตั้งศูนย์ Genmai Seishoku ที่เมืองฟูโอกะ รับบรรยายเกี่ยวกับเรื่องโภชนศาสตร์และให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพใน สถานศึกษาต่างๆ โรงพยาบาล ร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพ และธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ติดต่อร่วมกิจกรรมได้ที่ mljatuporn@yahoo.com, janjirapan19@gmail.com, lagondola_thailand@yahoo.com หรือโทร 08-1289-5214

Mariko Sumiyashiki
สุมิยาชิกิ เป็นอาจารย์สอนทำอาหารและสมาชิกของบอร์ดแมคโครไบโอติกที่เมืองเคียวชู เธออาศัยอยู่ที่เมืองกาโกชิมา และเป็นเจ้าของโรงเรียนทำอาหารแมคโครไบโอติกระดับเริ่มต้นและปานกลาง ซึ่งครั้งนี้เธอจะมาให้ความรู้เรื่องจิตวิทยาของสี วัตถุดิบ ส่วนผสมและการเชื่อมโยงเข้ากับเมนูอาหาร และการอบรมพนักงานในการทำร้านอาหารแบบแมคโครไบโอติก ติดต่อร่วมกิจกรรมได้ที่ mljatuporn@yahoo.com, janjirapan19@gmail.com, lagondola_thailand@yahoo.com หรือโทร 08-1289-5214

Toshihiro Kojo
หลังจาก 7 ปีแห่งการเป็นมนุษย์เงินเดือน โคโจ เดินทางกลับบ้านเกิดและเริ่มรื้อฟื้นสูตรมิโสะรสชาติเดียวกับที่แม่ของเขา เคยทำให้กินตอนเด็กๆ เขาจึงเริ่มทำ Hotaru Jozo โรงงานหมักมิโสะและโชยุ หลังจากนั้น 15 ปี มิโสะของเขาก็เป็นที่นิยมในหมู่ผู้รักอาหารจากธรรมชาติ มิโสะของเขาไม่ได้ผ่านกระบวนการให้ความร้อน ซึ่งทำลายแบคทีเรียและกระบวนการหมัก ดังนั้น มิโสะของเขาจึงยังคงมีชีวิต พบความพิเศษของมิโสะและโชยุของ โคโจ ได้ที่ Japanese pavilion

Pastry Specialist: เชฟสุริยันต์ ศรีอำไพ
แฟนๆ ของหวานคงต้องถูกใจแน่ เมื่อเชฟสุริยันต์ ศรีอำไพ อุปนายกสมาคมพ่อครัวไทย Pastry สละเวลาเดินทางมาสาธิตการแต่งหน้าคัพเค้ก ด้วยประสบการณ์กว่า 45 ปีในด้าน Pastry ทั้งในและนอกประเทศ ปัจจุบัน เชฟดำรงตำแหน่ง Bakery Solutions Manager ของบริษัทกิมจั๊วพาณิชย์จำกัด ผู้จำหน่ายสินค้าในเครืออิมพีเรียล ติดต่อร่วมกิจกรรมได้ที่โทร xxxxxxx

เชฟอโณทัย โรจนไพบูลย์
อาจารย์ผู้คร่ำหวอดในวงการขนม และรุ่มรวยอารมณ์ขัน เมื่อใดที่เขาขึ้นสาธิตอาหาร เมื่อนั้นเป็นต้องมีการแย่งพื้นที่เกาะขอบเวที นั่งจดสูตรไปหัวเราะกันไปอย่างครื้นเครง พรสวรรค์อีกอย่างของเชฟท่านนี้คือสามารถสอนเรื่องยากๆ ให้เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว ดังนั้นเตรียมปากกากับกระดาษหรือเครื่องบันทึกเสียงบันทึกภาพกันไว้ให้ดี เพราะครั้งนี้เขาจะมาพร้อมกับการสอนทำไอศกรีมแบบพื้นฐาน ใครสนใจต้องมาจองพื้นที่หน้าเวทีไว้แต่เนิ่นๆ ติดต่อเพื่อร่วมอยู่ในความสนุกนี้ได้ที่โทร xxxxxxxxxx

Lanna and Ethnic Food: เชฟจำเนียร เอี่ยมเจริญ
ใช้คำว่า ‘เชฟ’ กับ จำเนียร เอี่ยมเจริญ หรือป้าตา ท่านคงไม่ค่อยรู้สึกปลื้มนัก เพราะป้าตาชอบถ่อมตนว่าเป็นเพียงแม่ครัวธรรมดาๆ แต่ในความธรรมดาๆ นั้นแหละคือ ‘ทองคำ’ โดยแท้ ที่ผู้รักอาหารไทยเท่านั้นถึงจะมองเห็น งาน Chiang Mai International Food Festival 2011 ป้าตารับภาระหนักเสมือนตัวแทนคนล้านนาที่เราภูมิใจ เพราะมีภูมิความรู้เรื่องอาหารพื้นเมือง และอาหารชนเผ่า อย่างลึกซึ้งแบบหาตัวจับยาก ในงานนี้ป้าตาจะมาให้ความรู้กับทุกท่านอยู่ที่บูธอาหารชนเผ่า และอาหารล้านนา ในพาวิลเลียนของประเทศไทย

ที่มา : http://www.compasscm.com/module.asp?content=July11/scoop6&lang=TH

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เรื่องเล่าเช้านี้ มหกรรมสมัครงานครั้งใหญ่ "Bangkok Career Expo"


มหกรรมสมัครงานและการศึกษาครั้งใหญ่ Bangkok Career Expo 2011 Plus Education Fair วันนี้ - 9 ก.ค.54 เวลา 9.00 - 20.00 น.ณ.ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
วันออกอากาศ : 8 กรกฏาคม 2554


Links: เรื่องเล่าเช้านี้ ฺBangkok Career Expo 2011

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

นาย สุทธิพงษ์ สุริยะ เป็นวิทยากรในงาน Bangkok Career Expo 2011

นาย สุทธิพงษ์ สุริยะ เป็นวิทยากรในงาน Bangkok Career Expo 2011 ในวันศุกร์ที่ 8 กรกฏาคม 2554 เวลา 14.00 น.-14.45 น. ณ Reception Hall ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์